เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๙ ก.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระ เห็นไหม วันพระเรามาทำบุญกุศลกัน เพราะว่าเราเชื่อในคุณงามความดี เชื่อในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เราทำดีเพื่อเราไง แต่ความดีมันมีหลากหลาย ดูอย่างสัตว์นะ สัตว์มันดำรงชีวิตของมัน เพราะว่ามันเป็นห่วงโซ่ของอาหาร ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มันต้องรักษาชีวิต มันต้องดิ้นรนของมัน เพื่อรักษาชีวิตของมัน

เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ท่านจะบอกเลย ดูเก้ง กวางในป่านะ กว่ามันจะได้อิ่มมื้อหนึ่งมันต้องรักษาชีวิตมัน เพราะมันเป็นอาหารของเสือ มันเป็นอาหารของสัตว์ที่กินเนื้อ มันจะกินอิ่มมื้อหนึ่งมันต้องเอาชีวิตเข้าแลก มันแลกกับความอิ่มหนำสำราญมาด้วยชีวิตของมันนะ แล้วเราเป็นมนุษย์ เราจะหาคุณงามความดีของเรา เราจะเอาอะไรเป็นความดีของเรา?

ความดีของเรา เห็นไหม เราเป็นมนุษย์ เรามีสมอง เรามีศาสนา เรามีที่พึ่ง ความดีจากข้างนอก ทางโลกเขานี่โลกมันเจริญ ความเจริญของโลกเขาว่าความสะดวกสบาย แต่ความสะดวกสบายมันแลกมาด้วยอะไรล่ะ? แลกมาด้วยทรัพยากร ทรัพยากรโดนเอามาใช้มาก โลกมันก็ทำลายตัวมันเอง สิ่งแวดล้อมนี่ แล้วมันก็กลับมาทำลายมนุษย์

นี่มนุษย์เพราะอะไร? มนุษย์เพราะมีปัญญาไง คำว่ามนุษย์มีปัญญาๆ ปัญญานี่หาความสะดวกสบายใส่ตัว แต่มันก็รู้ว่าการหาความสะดวกสบายใส่ตัวมันก็ต้องมีต้นทุน ความต้นทุนของเขานี่เรื่องโลกนะ แล้วสิ่งที่เป็นโลกเราต้องอาศัยอยู่ เราเกิดกับโลก แต่มีสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมากคือหัวใจของสัตว์โลก หัวใจของสิ่งที่มีชีวิต

สัตว์มันก็ต้องมีชีวิตของมัน มันก็มีความรู้สึกของมัน มันก็รักสุข เกลียดทุกข์เหมือนกัน มันต้องการดำรงชีวิตของมันอยู่เหมือนกัน แต่เวลาสัตว์ที่มันกินพืชเป็นอาหาร เห็นไหม มันก็หาอาหารของมันโดยที่ไม่เป็นโทษเป็นภัยกับใคร แต่ไอ้สัตว์ที่มันกินเนื้อมันก็ต้องการอาหารของมัน มันก็หาอาหารของมัน นี่มันทำลายกันนะจนสัตว์บางพันธุ์สูญพันธุ์ไป ความสูญพันธุ์ของมันเพราะอะไร? เพราะภาวะสิ่งแวดล้อมมันเสียหายใช่ไหม? นี่สิ่งแวดล้อมเสียหาย เราเห็นเราก็สงสาร เราก็พยายามอนุรักษ์กัน จนเดี๋ยวนี้มีแต่ฟอสซิลนะ

นี่ก็เหมือนกัน ในเรื่องของศาสนาก็เหมือนกัน เราจะเห็นอะไร สิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนไว้ สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการไว้มันจะเป็นฟอสซิลไปไหม? มันเป็นสิ่งที่เราจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ไหม? ถ้าหัวใจของสัตว์โลก หัวใจของเราไม่ได้เข้าไปสัมผัสมันก็เหมือนกับซากฟอสซิลนั่นแหละ แต่ซากฟอสซิลต่างๆ เขาก็คำนวณอายุของมันได้ใช่ไหม? ว่านี่อายุของสัตว์มันกี่ล้านปี กี่ล้านปี

ศาสนานี่ ๒,๐๐๐ กว่าปีนะ แล้วความจริงสิ่งมีชีวิตที่สัมผัสได้ ที่หัวใจของครูบาอาจารย์ของเรามันอยู่ที่ไหน? แล้วเราศึกษากันเพื่อประพฤติปฏิบัติธรรม เราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร? เพื่อซากฟอสซิลอันนั้นหรือ? ซากฟอสซิลอันนั้นเขาเอาไปพิสูจน์ได้นะในการดำรงอายุของมันว่ากี่ปี แล้วธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ? ความเป็นจริงของในหัวใจล่ะ? แล้วการประพฤติปฏิบัติล่ะ? สิ่งนี้มันเกิดมาจากไหน? มันเกิดมาจากการกระทำของเรานะ

ซากฟอสซิลมันเป็นวัตถุ มันเป็นธาตุ มันโดนธรรมชาติ มันแปรสภาพกลายเป็นหิน กลายเป็นต่างๆ นี่มันดำรงของมันได้ เราเอามาวิเคราะห์วิจัยได้ แต่หัวใจของสัตว์โลกนะ การเวียนตายเวียนเกิด เราเวียนตายเวียนเกิดมามันจะพิสูจน์ได้อย่างไร? เห็นไหม มันพิสูจน์ได้ นี่เวลาซากฟอสซิลเขาต้องส่งไปให้ศูนย์วิจัยเขาทำวิจัยว่ามันกี่ล้านปี แต่หัวใจเราใครจะพิสูจน์ล่ะ?

หัวใจของเราใครจะพิสูจน์ สิ่งที่เกิดขึ้นมาใครจะพิสูจน์ แล้วศาสนา เราเกิดมาพบพุทธศาสนามันมีสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยหัวใจเอง มันมีสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยสติปัญญาของเราเอง มันจะพิสูจน์ได้กับบุคคลคนนั้นเอง ถ้าบุคคลคนนั้นทำความดีของเรา ประพฤติปฏิบัติของเรา ทำดี ความดีของโลก เห็นไหม ที่ว่าผู้ปกครองจักรพรรดิ ผู้ที่มีคุณธรรมเขาดูแลสังคมให้ร่มเย็นเป็นสุข เราเป็นคนดีไหม? คนดี คนดีมาก เขามีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับโลก เขาดูแลสังคม เขาเป็นคนดีไหม? ก็คนดีเหมือนกัน แต่มันก็เวียนในวัฏฏะใช่ไหม?

นี่ความดีของเรา เราต้องการอย่างนั้นไหม? ความดีของเรา เราต้องการสิ่งใด? ถ้าเราต้องการสิ่งใด นี่เราเสียสละกันเพื่ออะไร? เราเสียสละเพราะเรามีธรรมในหัวใจ มีธรรมในหัวใจคือมันอยากเสียสละ มันอยากมีการกระทำของมัน เห็นไหม การกระทำนี่ใครเป็นคนทำมา จิตใจนี่ถ้าไม่มีเจตนา ไม่มีความตั้งใจ เราจะหาอาหาร หาสิ่งที่เป็นวัตถุนี้มาเสียสละไหม?

ความเสียสละมันเกิดมาจากอะไร? เขาบอกว่านี่บุญกุศลเกิดมาจากสิ่งวัตถุที่เราเสียสละกัน แต่ความจริงมันมาจากเจตนาของเรา มันมาจากใจของเรานะ ถ้าใจของเรามันคิดจะทำ มันทำขึ้นมา แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่โต้แย้งในหัวใจของเรา มีความโต้แย้งมันก็ขี้เกียจขี้คร้าน มันก็คิดคอยหาเหตุหาผลของมัน เพื่ออะไร? เพื่อจะล้มล้างความดีของเรา เห็นไหม

ในหัวใจของเรามันก็มีทั้งคุณธรรมที่เราสร้างขึ้นมา อำนาจวาสนาบารมีของเรา แต่คนที่มันหยาบ คนที่มันไม่ต้องการสิ่งใดเลย มันก็ว่าหาประโยชน์เพื่อตัวเองทั้งนั้น พอหาประโยชน์เพื่อตัวเองทั้งนั้น เห็นไหม นี่เรื่องของธรรมกับเรื่องของกิเลสในหัวใจที่มันเป็นของเคียงคู่กันมาประจำ โลกนี้เป็นของคู่ แม้แต่ในใจเรามันก็มีความดีความชั่วเป็นของคู่ แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เอโก ธัมโม ธรรมเอก เอกอย่างไรล่ะ?

เอกหนึ่งเดียว เอโก ธัมโม มันจะเป็นหนึ่งของมันด้วยความตั้งมั่นของมัน ด้วยความตั้งมั่นของมัน การกระทำมันต้องเกิดขึ้นมาจากการกระทำของเรา เห็นไหม อย่าให้มันเป็นซากฟอสซิลนะ ซากฟอสซิลมันตายตัว มันตายตัวของมันแล้ว เพราะมันได้สะสมมาจนมันแข็งเป็นหินไปแล้ว นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เป็นประจำ หัวใจเรามันไม่ตายตัว แต่กรรมมันมีอยู่ เห็นไหม นี่ที่ว่ากรรมเป็นอจินไตย สิ่งที่เป็นอจินไตยในหัวใจเรามันแปรสภาพอยู่ตลอดเวลา

“สิ่งใดเป็นอนิจจังสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา”

อนัตตามันเกิดอย่างไร? นี่อนัตตาที่เราพูดกันนี้ เราพูดกันตามทฤษฎีที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้แล้ว อนัตตาเราก็ว่ากันไป ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์กันไป นี่เรื่องข้างนอกมันรู้หมดนะ เรื่องต่างๆ ข้างนอกรู้หมดเลย แต่เรื่องของใจไม่รู้ เรื่องของใจ เรื่องของความเป็นจริงของเราไม่รู้

นักวิทยาศาสตร์จะรู้ไปหมด นี่เป็นคนสร้างทฤษฎีขึ้นมาด้วย เป็นคนพิสูจน์ต่างๆ ขึ้นมาด้วย พิสูจน์ต่างๆ ขึ้นมาแล้วตัวเองได้อะไรล่ะ? ก็ได้คอตกไง ได้เวลาตายไปก็ได้มอบลิขสิทธิ์ที่เราได้คิดค้นไว้แล้วให้กับลูกหลานไว้หาผลประโยชน์ต่อไปไง แล้วใจมึงไปไหน! ใจมึงไปไหน! จิตออกจากร่างกายนี้ไปไหน? เห็นไหม

นี่วันนี้วันพระนะ วันนี้วันพระ เห็นคนมา เห็นโยมมา นี่เราคิดถึงหัวใจของสัตว์โลกไง โยมขวนขวายกัน อยากหาคุณงามความดีกัน อยากหาสิ่งที่เป็นความมั่นใจของชีวิต หาสิ่งนี้ขึ้นมา เราอยู่ป่าอยู่เขา เราก็พยายามค้นคว้าหาของเรากันขึ้นมา

นี่สิ่งต่างๆ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สิ่งต่างๆ รู้จำเพาะตน มันเป็นปัจจัตตัง มันเป็นสันทิฏฐิโก มันรู้จริงเห็นจริงตามความเป็นจริงของมัน แต่ถ้าความไม่รู้จริง ความรู้ไม่จริงนี่ตัวเราไม่เห็นนะ ไปเห็นแต่ซากฟอสซิล เห็นแต่สิ่งที่มันสูญพันธุ์ไปแล้ว สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเราก็รู้นะ แล้วสัตว์นี่มันสูญพันธุ์ไป แล้วมนุษย์จะสูญพันธุ์ไหม?

นี่ว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ มนุษย์เกิดมาจากลิง มนุษย์เกิดมาจากต่างๆ เดรัจฉาน เห็นไหม สัตว์เดรัจฉาน นี่สิ่งที่เป็นอบายภูมิ สิ่งที่เป็นสัตว์ประเสริฐ สิ่งที่เป็นเทวดา อินทร์ พรหม วัฏฏะมันมีมาตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้วแหละ วิทยาศาสตร์พิสูจน์กันไป พยายามจะพิสูจน์ให้ได้ว่ามนุษย์นี้มาจากไหน? มนุษย์นี้มาจากไหน? แล้วจิตนี้มาจากไหน? แล้วกิเลสมันมาจากไหน? แล้วกิเลสมันครอบครองจิตอยู่มันทำอย่างไร? แล้วธรรมะที่จะไปเพิกถอนมัน จะรื้อถอนมันออกมานี่ทำได้อย่างไร?

นี่เรามาทำบุญกุศลกันเพื่อ ถ้าจิตใจมันมีพื้นฐาน จิตใจมันมั่นคงขึ้นมามันจะแสวงหา มันจะแสวงหาความดีนะ นี่ทำทานร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับมีสมาธิขึ้นมาหนหนึ่ง มีสมาธิขึ้นมาร้อยหนพันหน ไม่เท่ากับเกิดปัญญา.. ปัญญาที่เกิดขึ้นมาไม่เป็นปัญญาอย่างเราหรอก ปัญญาที่มันเกิดขึ้นเอง ปัญญาที่เราคิดกันทางวิจัย ปัญญามันเกิดตลอดเวลาเลย

มีสมาธิร้อยหนพันหนนะมันจะเกิดปัญญา เป็นโลกุตตรปัญญา ปัญญาที่เข้าไปเพิกถอนสิ่งที่เป็นของคู่ในหัวใจไง ถ้าของคู่มันไม่มีมันจะเป็นหนึ่ง มันเป็นหนึ่งด้วยวิธีการอย่างใด? มันต้องมีเหตุมีผลของมัน มันมีการกระทำของมัน มันต้องมีมรรคญาณของมัน ไม่ใช่ว่าเราจะไปจำมา ไปรู้มา ไปก๊อบปี้ไม่ได้ โลกเขายังก๊อบปี้นะ นี่ลิขสิทธิ์ทางสินค้าพยายามเลียนแบบกัน แต่ธรรมะนี่เลียนแบบไม่ได้เลย เลียนแบบไม่ได้หรอก มันเป็นของใครของมัน

เราอยากจะทำดี เราอยากจะเรียบร้อยดีงามทั้งนั้นแหละ เราก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่มันเป็นไปตามนี้ มันก๊อบปี้ใครมาไม่ได้หรอก สิ่งที่ก๊อบปี้มาคือความจำ สิ่งที่ก๊อบปี้มา เห็นไหม เป็นความจำทั้งนั้น เป็นสิ่งที่เป็นความจำมา แล้วความจำมานี่ดูสิลอกเลียนมา มันไม่เป็นของจริงหรอก สันทิฏฐิโก มันจะเป็นความจริงของมัน

นี่เพิกถอนความเป็นของคู่ในหัวใจออกมาให้เป็นหนึ่งได้ นี่คือพระผู้ประเสริฐ แล้วไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ ทุกคนมีสิทธิเหมือนกันหมด เพราะทุกคนมีหัวใจ.. หัวใจ ความรู้สึกอันนี้สัมผัสธรรมะ ตำรับตำรามันเป็นแท่นพิมพ์มันพิมพ์มา คนจดจารึกมา ถ้าจดจารึกมาถูกก็ถูก คนจดจารึกมาผิดก็ผิด ช่างเรียงพิมพ์ผิดมันก็ทำให้เรื่องนั้นผิดไป เห็นไหม

แต่ความจริงในหัวใจของเรามันเกิดกับปัจจุบันธรรม มันเป็นความจริงขึ้นมาจากหัวใจ แล้วอันนี้ไม่เกี่ยวเนื่องกับใครที่เข้ามาช่วยเหลือเจือจาน เข้ามาช่วยพิมพ์ ช่วยแคะ ช่วยต่างๆ เราเกิดเอง รู้เอง เห็นเอง เป็นความจริงเองในหัวใจของเราเอง นี่สิ่งที่ประเสริฐที่เราแสวงหา ทำบุญกุศลกันเพื่อความสุขไง

เราปรารถนาความสุขกันแต่ความสุขทางโลก ความสุขทางโลกมันเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรคงที่หรอก มันแปรปรวน มันก็อาศัยกันไป แต่มันต้องใช้นะ ต้องมีนะ จริงตามสมมุตินะ ชีวิตนี้ก็มีจริง แก้ว แหวน เงิน ทอง ทรัพย์สินก็ของจริงนะ เรามีใช้สอยมันก็เป็นอบอุ่นในชีวิตเราแหละ แต่ความดีอีกอันหนึ่งในพุทธศาสนาไง ความดีอันประเสริฐไง ความดีในหัวใจของเราไง ความดีที่ไม่ย่อยสลาย ไม่เป็นอนิจจัง

ความรู้สึกของเรามันอยู่ตลอด ทุกข์ สุขมันเปลี่ยนแปลงตลอด แล้วความรู้สึกที่หัวใจมันไม่ทุกข์ มันเป็นธรรมชาติของมัน นี่สิ่งนี้มีสิทธิ์ได้ทุกคน ทำได้ทุกคนถ้ามีความจริงใจ มีความตั้งใจ เพื่อประโยชน์ว่าให้ศาสนานี่มันมีเป็นความจริง ไม่ใช่ซากฟอสซิล ศาสนานี้มีชีวิตชีวา มีความรู้สึก มีความสัมผัส มีความจับต้องได้ด้วยหัวใจของเรา เอวัง