เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๔ ต.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ถ้าเป็นลูกศิษย์กรรมฐาน เห็นไหม คนละไม้คนละมือ ถ้าคนละไม้คนละมือ ทุกอย่างมันจะเรียบร้อยได้ นี่มันมีค่าน้ำใจไง การอยู่ด้วยกันมันมีคนละไม้คนละมือ ทุกอย่างมันจะไปได้ด้วยความไม่ติดขัด บุญกุศลมันเกิดที่ไหน ขนาดว่าบุญกุศล นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดไว้ในพระไตรปิฎกนะ แม้แต่เดินสวนทางกัน เราให้ทางเขานั่นก็เป็นบุญแล้วนะ

แม้แต่เดินสวนทางกัน เราหลบให้เขาไป แต่ดูในกรุงเทพฯ สิ เห็นไหม ไม่หลบให้กัน แล้วมันมีปัญหาขึ้นมานี่ ขัดแย้งกันจนยิงกันตายเพราะขับรถปาดหน้ากัน แต่ถ้าในบุญกุศลนะ แม้แต่ให้ทาง แค่เราหลบให้ทางเขา เราให้โอกาสเขา เราให้ทุกอย่างเขา อันนี้เป็นบุญกุศล บุญกุศลมันเกิด แต่ถ้าเป็นกิเลสนะ ศักดิ์ศรี ให้ไม่ได้

บุญกุศลนะ เราทำบุญกุศล บุญคืออะไรล่ะ? การเสียสละอย่างนี้เป็นบุญ.. ใช่ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดถึงบุญนะ

“ทำบุญควรทำที่ไหน”

“บุญนี่ควรทำที่เธอพอใจ”

“แล้วถ้าเอาวัดผลกันล่ะ”

นี่บุญกุศลนะ แม้แต่การล้างถ้วยล้างจาน เราสาดน้ำลงน้ำครำ สัตว์ที่มันได้กินเศษอาหารนั้น มันก็เป็นบุญ บุญมันมีได้หมด แต่เราเห็นได้มากได้น้อย แต่เวลาบุญของเรานี่ เราต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต เราว่านี่คือบุญ อันนี้มันเป็นอำนาจวาสนาบารมีนะ อำนาจวาสนาบารมีของแต่ละคนมาไม่เหมือนกัน

ดูสิเวลาทางวิชาการ ทางหมอนะ เขาจะบอกเลยกรรมพันธุ์ ดีเอ็นเอ นี่มันเป็นเพราะสายบุญสายกรรม ดีเอ็นเอเป็นพฤติกรรมจากพ่อแม่ แต่ความจริงพ่อแม่หนึ่ง ลูกเราเกิดมาหลายคน ลูกเราก็มีนิสัยแตกต่างกันไป ดีเอ็นเอก็อันเดียวกันนั่นแหละ พันธุกรรมก็อันเดียวกันนั่นแหละ ทำไมมันมีดี มีไม่ดีล่ะ เห็นไหม นี่มันเป็นอำนาจวาสนาบารมีที่สร้างมา บุญกุศลนะ เวลาเราเสียสละแล้ว ถ้าเรามีความชุ่มชื่นในหัวใจ เราอุทิศส่วนกุศล

เวลาเจาะจงนี่อุททิสสะ เจาะจงกับปู่ ย่า ตา ยาย อุปัชฌาย์ อาจารย์ เจาะจง เห็นไหม ถ้าไม่เจาะจง เราอุทิศส่วนกุศลไป มันก็ได้บุญเหมือนกันแต่เป็นสาธารณะ นี่เวลาบุญกุศล อย่างนี้ใครเห็นล่ะ นี่เราบอกว่านรก สวรรค์ไม่มี ทุกอย่างไม่มี.. ก็นรก สวรรค์นี่ไง ภพชาตินี่ไง พันธุกรรมทางจิตมันถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาไง

เวลาตกนรกอเวจี เห็นไหม นี่มันจะไปทุกข์ไปร้อน เราจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว จะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว พอไปสวรรค์ก็เพลิดเพลินไป เวลาเกิดเป็นมนุษย์นี่ภพของกลาง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ เวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาในชาติของมนุษย์ เพราะ! เพราะมนุษย์มีร่างกายที่มันต้องการอาหารบีบคั้นหัวใจนี้ ถ้าหัวใจอ่อนแอ เราเป็นคนทุกข์คนยาก ดูสิเวลาเด็ก นี่ทางการแพทย์เขาพูดว่าเด็กนี่เราต้องดูแลมันให้ดี ถ้าดูแลไม่ดี มันมีความเสียใจแล้วมันจะต่อต้านสังคม

นี่ไง มันต่อต้านสังคม ว่าสังคมรังแกเรา สังคมรังแกเรา มันต่อต้านสังคมเพราะอะไร เพราะมันคิดว่าสังคมรังแกมัน แต่ความจริงมันไม่คิดถึงเรื่องบุญกรรมของคนนะ บุญกรรมของคน ทำไมสังคมสังคมหนึ่ง มีคนดูแลรักษาอย่างดีเลย แต่สังคมหนึ่งทำไมมันเอารัดเอาเปรียบเรานัก เอารัดเอาเปรียบนี่เพราะเราทำสิ่งใดมา

ดูสิสมัยพุทธกาล เห็นไหม พระอรหันต์องค์หนึ่งไม่เคยฉันข้าวอิ่มเลย แล้วมันร่ำลือกันไปมาก แต่เวลาพระสารีบุตรไปจับบาตรไว้ให้ฉันข้าวจนอิ่ม แล้วนี่มีพระสงสัยไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นี่อยู่ในธรรมบทนะ พระองค์นั้น แต่อดีตชาตินะ แม้แต่เศษข้าวตกดิน มดมันคาบไปนะ ยังเอาจอบไปขุดเอาเมล็ดข้าวนั้นคืนเลย มันตระหนี่ถี่เหนียวขนาดนั้นนะ เมล็ดข้าวที่เราตกกับดินไป มดมันขนไปนะ ยังเอาจอบเอาเสียมไปขุดเอาเมล็ดข้าวนั้นคืน ว่า “ของกู กูไม่ให้”

นี่พูดถึงกรรมของเขา แต่คุณงามความดีของเขา เขาได้ทำมา ไม่อย่างนั้นเขาจะได้เป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร นี่คำว่าเป็นพระอรหันต์ขึ้นมานะ เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา มันต้องมีอำนาจวาสนานะ ดูสิอย่างในอภิธรรมบอกว่า “ใครจะสิ้นกิเลสได้ ต้องสร้างบุญมาแสนกัป” เห็นไหม พระพุทธเจ้า ๔ อสงไขย นี่แสนกัปมันสร้างมาอย่างไร แล้วนี่เป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ทำไมมันทุกข์มันยากขนาดนั้นล่ะ ทำไมพระสีวลีร่ำรวยมหาศาล ไปไหนนี่เอตทัคคะทางลาภ

สิ่งนี้นี่พระอรหันต์เหมือนกัน แต่องค์หนึ่งนะไม่เคยกินข้าวอิ่มทั้งชีวิต เราลองมาคิดสิ อย่างเช่นชีวิตเรานี่ เราไม่เคยประสบความสำเร็จ ไม่เคยมีความอิ่มหนำสำราญในการกินแม้แต่มื้อเดียว เราจะเป็นอย่างไร แล้วผลนี้มันมาจากไหน

นี่เราเห็นอย่างนี้เราถึงเสียสละกัน เราทำบุญกุศลของเรา เพราะบุญกุศลอันนี้ บุญกุศลเพื่อทำความดี เราเกิดมาพบพุทธศาสนา ให้หูตาสว่าง ให้มีสติสัมปชัญญะ ให้ขวนขวายคุณงามความดีของเรา คุณงามความดีของเรา ใครจะติฉินนินทา ใครจะดูถูกถากถาง ดูถูกถากถางนะ ถ้าทำดีนี่เขาจะดูถูกถากถาง เหยียดหยามเลยว่าพวกนี้เป็นคนโง่

นี่เงินทองหามาแล้วเอาไปเสียสละทำไม เงินทองหามาเป็นของเราสิ เราเสียสละไปทำไม อ้าว.. เงินทองมันให้ความสุขเราได้ไหม เงินทองนี่มันใช้จ่ายได้ มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย แต่เวลาความสุขจริงๆ ขึ้นมา เห็นไหม เราต้องมีหมู่คณะ มีเพื่อน มีอะไร การมีหมู่คณะ มีเพื่อน เพราะเหตุใด เพราะมีการเสียสละกัน เพราะมีความเกื้อกูลกัน นี่ญาติโดยสายเลือด ญาติโดยธรรม

นี่เพื่อนเรา หรือหมู่คณะเรา เขาดูแลเราดียิ่งกว่าญาติของเราอีก โอ๋ย.. ญาติของเรา ญาติโดยสายเลือด ทุกอย่างมันต้องดีไปหมด แต่ทำไม ถ้ามันไม่มีการเสียสละ นี่ไงคุณธรรมมันอยู่ที่นี่ บุญกุศลมันอยู่ที่นี่ ถ้าบุญกุศลมันอยู่ที่นี่มันเกิดมาจากไหน เกิดจากเจตนา เห็นไหม เจตนา นี่เวลาเราเกิดจากเจตนา เราตั้งใจของเรา อันนี้เป็นบุญแล้ว เราขวนขวาย การขวนขวายนี่การเสียสละ เห็นไหม สิ่งที่อัดอั้นตันใจ นี่รีไซเคิล น้ำที่มันเสีย ความหมักหมมของใจให้มันออกไป ออกไปด้วยการเสียสละ ออกไปด้วยการฝึกฝน

ทาน! ทานการเสียสละขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเทศนาว่าการจากฆราวาส คฤหัสถ์ เห็นไหม ต้องอนุปุพพิกถา ต้องเรื่องของทาน เรื่องของการเสียสละก่อน เรื่องของการเตรียมความพร้อมของใจก่อน ถ้าใจมันพร้อมขึ้นมา การเสียสละ ใจมันเปิดโล่ง ใจมันไม่มีความอึดอัดขัดข้องใจ พอถึงเสียสละทานนี่จะไปสวรรค์ จะไปถึงเนกขัมมะ พอจิตมันควรแก่การงานแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเทศน์อริยสัจ

แต่นี้ในปัจจุบันนี่ตระหนี่ถี่เหนียวนะ อู้ฮู.. หัวใจนี่มันหมักหมมไปหมดเลย โอ้โฮ.. พิจารณานะ อริยสัจเลยล่ะ โอ้โฮ.. นิพพานสงบเย็น นี่เวลาคิดกันไปเอง ว่ากันไปเอง แต่ความพร้อมของใจมันมีไหม สิ่งที่เป็นใจ ใจที่จะเอามาทำงาน เราจะกินอาหารกันเราต้องมีถ้วยจานนะ ถ้าไม่ไปเอาถ้วยเอาจานมา จะเอาอะไรไปใส่อาหาร

นี่ไม่มีหัวใจที่ไปจับมรรคผล เอาอะไรไปทำมัน จะกินข้าวยังไม่มีถ้วยไม่มีจานเลย แล้วอาชีพอะไร มันต้องมีสิ่งที่เป็นวิชาชีพ มันต้องมีอุปกรณ์การทำมาหากินใช่ไหม แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมานี่ไม่มีอะไรเลยนะ อู๋ย.. สงบเย็นนะ อู๋ย.. เย็นไปหมดเลย นี่ชิงสุกก่อนห่าม ซื้อก่อนขาย มันเลยเร่ร่อนไปหมดเลย

ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นอันหนึ่ง จิตใจของเรามีความทุกข์อันหนึ่ง แล้วบอกว่าพูดธรรมะของพระพุทธเจ้าอีกอันหนึ่ง แล้วมันก็เลยไม่มีสิ่งใดตกผลึกในหัวใจของเราเลย แต่เวลาเราปฏิบัติทุกข์ยากไหม นี่เวลาบอกว่าอัตตกิลมถานุโยค พระป่าทำให้ตัวลำบากเปล่า สู้มาทำเป็นพิธีกรรมเฉยๆ มีความสุขเฉยๆ

นี่มีความสุขเพราะอะไร มีความสุขเพราะเราหลอกลวงตัวเอง เราบอกกิเลสไม่มีนะ เมื่อก่อนเป็นคนโทสะมาก เดี๋ยวนี้เป็นคนดีขึ้นมาหมดเลย ดีเพราะมันกดไว้ ดีเพราะมันมีสติสัมปชัญญะหน่อยนะ ลองไปกระทุ้งสิ ลองมีอะไรขัดใจสิ มันก็หลุดเลย แต่ถ้ามันเป็นความจริงนะ ความหมักหมมใจมันอยู่ที่ไหน แล้วเราจะถอดถอนมันอย่างไร เราเห็นเหตุเห็นผลหรือยัง

ฉะนั้นเวลาครูบาอาจารย์เราท่านสอนนะ นี่นาย ก. เป็นคนฉ้อฉลไป ลักของเขาไป รู้ว่านาย ก. ฉ้อฉลเขาไป แต่เรารู้อยู่ว่านาย ก. ฉ้อฉลเราไป แต่เราหานาย ก. ไม่เจอ เราก็นั่งเสียใจอยู่ใช่ไหม เราก็รู้อยู่ว่าฉ้อฉลเราไป ทุกคนว่าตัวเองมีกิเลสทั้งนั้นแหละ แล้วกิเลสมันอยู่ที่ไหน กิเลสมันอยู่ที่ไหน? แล้วจะทำอย่างไรกัน เราจะทำอะไรกัน?

อ้าว.. กิเลสมันอยู่ในตำราหรือ กิเลสอยู่ในอากาศหรือ กิเลสอยู่ในคำพูดของครูบาอาจารย์นี้ใช่ไหม ครูบาอาจารย์จะมาถอนกิเลสให้เราได้ใช่ไหม ใครทำให้เราได้ นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เราเป็นผู้ชี้ทางเท่านั้น”

นี่เป็นผู้ชี้ทางเท่านั้น ครูบาอาจารย์ท่านพูดนะ ขนาดว่าตำรานี่นะ เราไปศึกษาหนอนแทะกระดาษ ท่านพูดขนาดนั้นนะหนอนแทะกระดาษ ปลวกมันกินทั้งเล่มนะ มันกินเข้าไปในท้องมันเลย เหมือนหนังสือเราต้มกินเลย มันได้อะไรขึ้นมาถ้าเราไม่ทำคุณงามความดีของเรา เราไม่ประพฤติปฏิบัติของเรา เราไม่แก้ไขของเรา ใครจะเอาคุณงามความดีให้เราได้ เราจะต้องเอาความดีของเราให้ได้ เห็นไหม

นี่การเสียสละทานเพื่ออะไร ทานเพื่อให้หัวใจนี้มันรู้จักเสียสละ ให้หัวใจนี้มันเปิดกว้าง ถ้าหัวใจมันไม่เปิดกว้าง.. นี่ทุกคนอยากได้มรรค ผล นิพพานทั้งนั้นแหละ ทุกคนอยากได้ทั้งนั้นแหละ แล้วมันได้ตามที่เราคิดไหม ถ้าเราไม่ปฏิบัติขึ้นมา เราท้องหิวมาก เราอยากจะมีความอิ่มขึ้นมามาก แล้วถ้าเราไม่กินอาหารขึ้นมาในปากของเรา ไม่กลืนลงท้อง มันจะมีความอิ่มขึ้นมาได้ไหม

นี่ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ แต่เวลาปฏิบัติขึ้นมา เราไม่รู้ว่าปากอยู่ไหน ท้องอยู่ไหน เวลาเขาบอกว่าเอาอาหารใส่ปากนะ เราไม่เข้าใจเราก็เอาอาหารใส่จมูกเข้าไปเลย เอาใส่รูหูเข้าไปด้วย ยัดเข้าไปให้มันลงไป มันเป็นไปได้ไหม มันเป็นไปไม่ได้!

สิ่งที่มันเป็นไปได้นี่ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วศีล สมาธิ ปัญญาใครเป็นคนทำล่ะ จิตตภาวนา แล้วจิตอยู่ไหน ความสงบของใจอยู่ที่ไหน ความรู้สึกของใจอยู่ที่ไหน ความเศร้าหมองผ่องใสอยู่ที่ไหน นี่พอเวลามันโอภายิกังคะ อุปกิเลส เห็นไหม แสงสว่าง โอภาสต่างๆ นี่อุปกิเลสทั้งนั้นเลย ว่างๆ ว่างๆ นี่กิเลสทั้งนั้นเลย เพราะว่าง เดี๋ยวมันก็จะไม่ว่างแล้ว

มันว่างขึ้นมา ว่างเพราะเราสร้างมันว่าง เดี๋ยวมันก็ไม่ว่าง ถ้ามันว่างขึ้นมา มันว่างจริง ว่างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยมันเป็นอย่างไร ทำไมมันถึงว่าง มันต้องมีเหตุมีผลสิ เราเป็นหนี้ เราไม่ได้ใช้หนี้เลย เราจะพ้นจากหนี้ได้อย่างไร เราเป็นหนี้เขา เราต้องใช้หนี้เขา เราต้องมีการกระทำของเราขึ้นมา หนี้มันถึงหมดไป

การเกิดขึ้นมานี่หนี้กรรม ถ้าไม่มีกรรมจะมาเกิดอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่มีกรรมจะเวียนตายเวียนเกิดได้ไหม แล้วหนี้กรรมมันอยู่บนอะไร มันอยู่บนจิต มันอยู่บนปฏิสนธิจิต มันถึงขับเคลื่อนจิตตัวนี้ไป จิตตัวนี้ พอมันปลดหนี้ มันถอดถอนออกมาแล้วนี่จิตยังอยู่ไหม ถ้าจิตอยู่มันเป็นภพใช่ไหม ถ้าทำลายตัวจิตแล้วนิพพานมีไหม ไอ้ความรู้สึกตัวนี้ ไอ้จิตตัวนี้ที่มันเป็นนิพพานเสียเอง มันรู้ของมันเอง มันเข้าใจของมันเอง นี่มันอยู่ที่ไหน

นี่ไม่มีอะไรเลยนะ ถ้าไม่มีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไม่คุยธรรมะกันอย่างนี้ เราก็จะคุยประสาเรา เห็นไหม ดูสิลัทธิต่างๆ ที่เขาบอก นี่ความดีของเขา เขาก็ว่าตามของเขา ต้องเชื่อฟังพระเจ้า จะกลับไปอยู่กับพระเจ้า นี่เขาเชื่อฟังของเขาไป แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิเสธหมดเลย

ใจเรานี่เป็นพระเจ้า เราทำคุณงามความดีของเรา เราสร้างบุญกุศลของเรา เราถึงไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม พระอินทร์นั่นล่ะคือพระเจ้า เพราะพระอินทร์ควบคุมเทวดา นี่แล้วพระเจ้ามันก็มีการเปลี่ยนแปลง มันก็มีการเกิดการตาย มันมีอะไรคงที่ ในวัฏฏะนี้มีอะไรคงที่ ไม่มีสิ่งใดคงที่เลย นี่พระพุทธเจ้าถึงปฏิเสธไง ปฏิเสธที่พึ่งข้างนอกทั้งหมดเลย

ใจเราเป็นได้ทั้งหมด ถ้าใจเราทำคุณงามความดีของเรา ถ้าใจเราทำคุณงามความดีของเรา แล้วเราจะเอาความดีตรงไหน เห็นไหม มันก็มีหลากหลายความรู้สึก ในห้างสรรพสินค้ามันมีสินค้ามหาศาลเลย ในพระไตรปิฎกก็สอนไว้ตั้งแต่ทาน ศีล ภาวนา เราปรารถนาตรงไหน เรามีกำลังแค่ไหน เรามีวุฒิภาวะแค่ไหน เรารักคุณงามความดีแค่ไหน

เวลาความดี นี่แก้ว แหวน เงิน ทอง ทุกคนก็อยากได้ เพชร นิล จินดา อยากได้หมดเลย สมาธิล่ะ สมาธิเอาไหม ปัญญาเอาไหม อ้าว.. ปัญญาไม่เอา ปัญญาไม่ใช่ตังค์ จะเอาแต่ตังค์ เอาแต่เงินแต่ทอง นี่คนหยาบๆ มันก็คิดหยาบๆ ว่าที่พึ่งที่อาศัยของมันก็คือแก้ว แหวน เงิน ทอง แล้วแก้ว แหวน เงิน ทอง มันให้ความสุขเราได้ไหม

นี่มีแก้ว แหวน เงิน ทอง มีเงินมหาศาล จะซื้อสินค้า แต่สินค้าไม่มีเลย เกิดสงครามขึ้นมา โลกพลิกแพลงไป จะเอาเงินไปซื้ออะไร เงินก็คือกระดาษกินไม่ได้ แล้วบุญกุศลมันอยู่ที่ไหน บุญกุศลมันอยู่ที่ใจ แล้วบุญกุศลมันเป็นอย่างไร บุญเป็นอย่างไรไม่รู้จักนะ

บุญคือความสุขของใจ ใจมันมีปัญญาของมัน มันเข้าใจตัวมันเอง มันรู้จักตัวมันเอง ว่าตัวมันเองนี่มาจากไหน มาอยู่เพื่ออะไร อยู่เพื่อการกระทำสิ้นสุดแห่งทุกข์แล้ว ทุกข์นี้ พ้นจากทุกข์ไปแล้วนี่เราอยู่ทำไม

สอุปาทิเสสนิพพาน พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านดำรงชีวิตอยู่เพื่ออะไร ในเมื่อนิพพานแล้วก็ตายๆ มันไปสิ มันจะได้มีความสุขไง แล้วนิพพานที่ตายไป กับนิพพานที่อยู่นี่มันต่างกันตรงไหนล่ะ พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ กับพระอรหันต์ที่ตายไปแล้ว ต่างกันตรงไหน มันไม่ต่างกันแล้วตายทำไม ตายมันก็เป็นอกุศล เห็นไหม มันก็เป็นธรรมชาติของมัน เป็นสัจธรรมของมัน สัจธรรมของมัน ก็อยู่โดยสัจธรรมของมันไป รอวันเวลาของมันไป

นี่ความสุขอย่างละเอียด คุณงามความดีอย่างละเอียด เราไม่เข้าใจมัน เราไม่รู้จักมัน เห็นไหม เราเลยไขว่คว้าขึ้นมาไม่ได้ แหม.. ถ้าลงทุนลงแรงทำมาหากินนะ อู้ฮู.. เงินทองไหลมาเทมานี่ อู๋ย.. คนนั้นมีบุญกุศล แต่เวลาเรานั่งเสียสละขึ้นมา ว่าคนนี้ไม่มีศักดิ์ศรี คนนี้ไม่ทันโลก

ทันโลกหรือไม่ทันโลกนะ โลกกับธรรม เราเกิดมาในโลก ปฏิเสธโลกไม่ได้หรอก เราเกิดมานี่ ถ้าเราไม่มีพ่อแม่ ใครเกิดเรามา ไม่มีอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ใครเกิดมา สมมุติสงฆ์ สงฆ์นี้สมมุติ นี่สงฆ์ยกเข้าหมู่เข้ามา สมมุติสงฆ์ แล้วพยายามค้นคว้าหาสัจจะความจริงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมและวินัยไว้

นี่สิ่งนี้เกิดขึ้นมาจากไหน ตำรับตำรา มันเป็นตำรับตำราชี้เข้ามาที่ใจ สรรพสิ่งทั้งหมดชี้เข้ามาที่หัวใจ ถ้าหัวใจมันปฏิบัติเข้ามา หัวใจมันเข้าใจตัวมันเองแล้ว นี่มันเข้าใจในตำรานั้นหมดเลย เวลาครูบาอาจารย์ท่านพูด เห็นไหม หลวงปู่มั่นท่านพูดกับหลวงตา

“ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษามาแล้วนี่สาธุเทิดใส่ศีรษะ แล้วเอาใส่ลิ้นชักไว้ก่อน ประพฤติปฏิบัติไปแล้ว ถ้าถึงที่สุดแล้วมันจะเป็นอันเดียวกัน”

ความรู้สึก ความเป็นจริงในใจของเรา กับตำราในพระไตรปิฎกนี่เหมือนกันเปี๊ยบเลย แล้วอธิบายได้ชัดเจนมาก รู้ถึงหมด เข้าใจกระบวนการมันหมด แล้วซึ้งมาก แต่นี้หัวใจมืดดำหมดเลย แต่ท่องพระไตรปิฎกได้ปากเปียกปากแฉะเลย แล้วตัวเองก็ทุกข์อยู่ เห็นไหม นี่มันเป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม

ทีนี้สมบัติของเรานี่พูดถึงทาน พูดถึงบุญกุศล บุญกุศล เราเสียสละขึ้นมาก็เพื่อคุณงามความดี ความดีของเรานะให้ใจมันหมั่นเพียร ให้ใจมันเปิดกว้าง ให้ใจมันศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา ถ้าศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเราแล้ว นี่เรื่องของเราศึกษาที่เป็นประโยชน์ เห็นไหม หน้าที่การงานมันต้องใช้มือทำนะ เวลาบริหารต้องใช้สมองนะ เวลาประพฤติปฏิบัติต้องใช้ใจ

ใจอยู่ที่ไหนมันก็มีใช่ไหม ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก คนไม่มีลมหายใจมันก็ตาย พอคนมีลมหายใจแล้วมีสติอยู่กับลมหายใจ เห็นไหม เราก็ไม่หลงไปกับกระแสโลก เราก็จะมีจุดยืนของเรา นี่เราทำหน้าที่การงาน เราอยู่ในชีวิตประจำวันนี่แหละ แต่จิตใจมันหมุนได้ ปัญญามันเกิดได้ ปัญญามันถอดถอนได้ ไม่ต้องไปทำงานอีกอันหนึ่ง พอไม่ต้องไปทำงานอีกอันหนึ่ง ทีนี้ทำงานอันนี้แหละ ทำงานโดยธรรมชาติในสัญชาตญาณนี่แหละ

แต่ถ้ามันทำถึงที่สุดแล้วนะ นี่ที่มันเหนือธรรมชาติ เหนือเพราะอะไร เพราะจิตมันรู้ธรรมชาติ แล้ววางธรรมชาติไว้ตามความเป็นจริง มันจะวางสิ่งนี้ได้ แล้วมันจะเป็นประโยชน์

นี้พุทธศาสนาสอนอย่างนี้ไง ไม่ให้ไปเชื่อใคร ไม่ให้ไปพึ่งที่ไหน พึ่งในหัวใจของเรา พยายามค้นคว้าของเราขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเรา นี่เรารู้จริงขึ้นมา มั่นคงมาก แล้วรู้จริงด้วย แล้วเป็นความจริงของเรา นี้เป็นสมบัติของเรานะ นี่ทาน ศีล ภาวนา

บุญกุศลตั้งแต่หยาบๆ แล้วก็มีทาน มีศีล แล้วก็มีภาวนา เห็นไหม บุญกุศลอย่างละเอียด นี่ทรัพย์สมบัติเราจะหาไหม บุญกุศลเราจะหาไหม อริยทรัพย์ภายในจะหาไหม เพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง